ศรชล.สุราษฎร์ธานีบูรณาการหน่วยงานภาครัฐ ลงพื้นตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีพบเศษแก้วถูกทิ้งในท้องทะเลอ่าวบ้านดอน  


วันนี้(1 ก.ย.64)  นาวาเอก วศากร  สุนทรนันท  รองผู้อำนวยการ ศรชล.จว.สุราษฎร์ธานี  พร้อมด้วยนางสุนิสา  รามแก้ว  ประชาสัมพันธ์จังหวัดสุราษฎร์ธานี  ผู้แทนประมงจังหวัด  และฝ่ายปกครอง  ลงพื้นที่สำรวจอ่าวบ้านดอน  อ.เมือง  จ.สุราษฎร์ธานี  หลังกรณีชาวประมงพบเศษแก้วที่ถูกทุบแตกแล้วผู้ไม่หวังดีนำมาทิ้งในท้องทะเล  อาจทำให้เกิดอันตรายกับผู้ที่งมหาลูกหอยแครงและชาวประมงอื่นๆ รวมทั้งทำให้เกิดความเสียหายต่อสภาพแวดล้อมทางทะเล 


    นาวาเอก วศากร  สุนทรนันท  รอง ผอ.ศรชล.จว.สุราษฎร์ธานี  กล่าวว่า  ทางผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี  ในฐานผู้อำนวยการศูนย์รักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล จ.สุราษฎร์ธานี (ศรชล.จว.สฎ.)  มอบหมายให้ตนเองและผู้เกี่ยวข้อง  ออกสำรวจพื้นที่เพื่อดูว่าข้อเท็จจริงเป็นเช่นไร  ซึ่งพบว่ายังมีชาวบ้านจำนวนหนึ่งออกมางมหาลูกหอยอยู่  จึงให้เจ้าหน้าที่และชาวบ้านลงไปงมสำรวจพื้นทะเลจุดที่เคยพบเศษแก้ว  ปรากฏว่าไม่พบเศษแก้วตามที่เคยเป็นข่าวก่อนหน้านี้  ซึ่งคาดว่าอาจจะฝังจมอยู่ใต้โคลนตม  อย่างไรก็ตามทางเจ้าหน้าที่ได้มีการสืบสวนในทางลับเพื่อหาข้อเท็จจริง  และจะได้นำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษต่อไป  นอกจากนี้จะได้ประชุมผู้เกี่ยวข้อง ทั้งประมง  เจ้าท่า  ตำรวจน้ำ  และกรมทรัพยากรธรณีชายฝั่งที่ 4  เพื่อหาแนวทางแก้ไขและหาวิธีการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้นอีก


นาวาเอก วศากร  สุนทรนันท  ยังกล่าวด้วยว่า  การแก้ไขปัญหาคอกหอยในพื้นที่อ่าบ้านดอนที่ผ่านมานับว่าประสบความสำเร็จ  สามารถคืนพื้นที่สาธารณให้กับประชาชนได้มีสิทธิใช้ประโยชน์อย่างเท่าเทียมกัน  โดยจะมีการบูรณาการหน่วยงานภาครัฐออกมาตรวจพื้นที่ร่วมกันอย่างสม่ำเสมอ  เนื่องจากอาจจะมีการครอบครองพื้นที่อีกในภายหลัง  ซึ่งหากพบเจอว่ามีการปักหลักเพื่อครอบครองพื้นที่อีก ก็จะมีการรื้อถอนและหาตัวผู้กระทำความผิดดำเนินคดีทางกฎหมายต่อไป



             ขณะที่ชาวประมงที่มางมหาลูกหอยแครงรายหนึ่ง  กล่าวว่า ก่อนหน้านี้นอกจากจะพบเศษแก้วแล้ว  ยังมีเรือยนต์หรือเรือตังเก  มาจอดเฝ้าพื้นที่เพื่อไม่ให้ชาวบ้านหาลูกหอย   โดยไม่ทราบว่าเป็นคนกลุ่มไหน แต่คิดว่าเป็นผู้มีอิทธิพลที่ไม่อยากให้ชาวบ้านเข้าไปหาลูกหอย  ซึ่งตอนนี้ไม่พบกลุ่มคนดังกล่าวแล้ว  ขณะที่ลูกหอยยังพอมีและหาได้อยู่บ้างแต่ไม่มากนัก  บางวันหาได้คนละ 1 – 2 กิโลกรัม  ขายได้ประมาณกิโลละ 100 – 120 บาท  พอเลี้ยงชีพอยู่ได้ในแต่ละวัน  ส่วนสถานการณ์โควิด-19  ไม่ส่งผลกระทบต่อการประกอบอาชีพประมงมากนัก.




ภาพ/ข่าว/ สุทธิชาติ  ปชส.จ.สุราษฎร์ธานี

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ศาลฎีกาพิพากษาจำคุกอดีตนายกเทศบาลสุราษฎร์ธานีพร้อมพวกรวม11คน